Baby Milk

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงาน

ใบงานที่ 5 บทความสารคดีที่นำมาใช้สำหรับการเขียนโครงร่าง


น้ำสมุนไพรกับการลดความดันโลหิตสูง






              โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่เจริญแล้ว
แต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูงเป็นจำนวนมาก เป็นที่ทราบกันดีว่าความดันโลหิตสูง
เป็นโรคของคนสูงอายุ แต่ก็อาจเกิดกับเด็กและคนหนุ่มสาวได้ ซึ่งสาเหตุของความดันโลหิตสูงในช่วงอายุต่าง ๆ นี้ 
จะมีสาเหตุแตกต่างกัน
              องค์การอนามัยโลกได้กำหนดหลักเกณฑ์กว้าง ๆ สำหรับวินิจฉัยความดันโลหิตสูงในผู้ใหญ่ทุกอายุ
โดยการวัดค่าความดันโลหิตในท่านั่ง ดังนี้ ค่าความดันโลหิต ต่ำกว่าตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทลงมาถือเป็น
ความดันโลหิตปกติ ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 140/90 ถึง 160/95 มิลลิเมตรปรอท อยู่ในเกณฑ์ก้ำกึ่งเป็น
ความดันโลหิตระดับก้ำกึ่ง ต้องหมั่นตรวจเป็นระยะ ๆ ค่าความดันโลหิต ตั้งแต่  160/95 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป
ถือเป็นความดันโลหิตสูง
           

สาเหตุ  ในผู้ใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูง จะทราบสาเหตุของโรคเพียงร้อยละ 10-20 เท่านั้น ซึ่งสาเหตุ
ส่วนใหญ่ ได้แก่ โรคไต เช่น โรคไตอักเสบเรื้อรัง โรคนิ่วในไต เป็นต้น นอกจากนี้อาจเกิดจากโรคของต่อมไร้ท่อ โรคของระบบประสาท หรือภาวะครรภ์เป็นพิษ การใช้ยาคุมกำเนิด หรือการได้รับยาและสารบางชนิด ส่วนอีก
ร้อยละ 85-90 ของผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูงนั้น ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่พบว่าปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิด
ความดันโลหิตสูงมีได้หลายประการ ดังนี้ 
             
 1.  พันธุกรรม ถ้าบิดามารดามีความดันโลหิตสูง บุตรหลานจะมีโอกาสที่จะมีความดันโลหิตสูงมากกว่า
คนธรรมดา 
              
2.  ความอ้วนและการกินเกลือมาก พบว่าความอ้วนมีความสัมพันธ์กับสมดุลของเกลือในร่างกาย ถ้าคนท
ี่มีความดันโลหิตสูง ลดปริมาณเกลือในอาหารแต่เพียงอย่างเดียว ความดันโลหิตมักจะไม่ลดลง แต่ถ้าลดความอ้วน
พร้อมกับลดปริมาณเกลือในอาหารด้วย ความดันโลหิตจะลดลงได้ 
             
3. การสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่จะกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวมากขึ้น ทำให้ความดัน โลหิตสูง คนที่มี
ความดันโลหิตสูงอยู่แล้วสูบบุหรี่ด้วยจะเป็นอุปสรรคทำให้ลดความดันโลหิตได้ยาก และเกิดโรคแทรกซ้อนมากกว่า
คนที่ไม่สูบบุหรี่ 
            
4. ไขมันในเลือด ผู้ที่มีไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูง จะเป็นโรคหลอดเลือดตีบ แข็งได้ง่าย 
           
 5. โรคเบาหวาน คนที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความผิดปกติของผนังหลอดเลือด หลอดเลือดจะตีบและ
ไม่ยืดหยุ่น 
            
6.  การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีการแข่งขัน การต่อสู้ การทำงานแข่งกับเวลา มีปัญหาการงาน  หรือปัญหาในครอบครัว ทำให้เกิดความเครียด ในขณะที่มีความเคร่งเครียด ระบบประสาทอัตโนมัติจะกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมนแอดรีนาลิน (Adrenalin Hormone) ออกมามากกว่าปกติ   ฮอร์โมนนี้จะทำให้หลอดเลือดหดตัวและ
เกิดความดันโลหิตสูง



ระดับความรุนแรงของ โรคความดันโลหิตสูง

ความรุนแรงของ โรคความดันโลหิตสูง แบ่งเป็น 3 ระยะคือ

           ระดับที่ 1 ความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ค่าความดันโลหิตระหว่าง 140-159/90-99 มม.ปรอท

           ระดับที่ 2 ความดันโลหิตสูงระยะปานกลาง ค่าความดันโลหิตระหว่าง 160-179/100-109 มม.ปรอท

           ระดับที่ 3 ความดันโลหิตสูงระยะรุนแรง ค่าความดันโลหิตมากกว่า 180/110 มม.ปรอท

          ทั้งนี้ การวัดความดันโลหิตควรจะวัดขณะนอนพัก และควรวัดซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นความดันโลหิตสูงจริง ๆ

ผู้ใดบ้างที่มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูง
    ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมักจะเป็นผู้ที่
  • บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย พี่ ป้า น้า อา มีประวัติเป็นความดันโลหิตสูง โรคอ้วนหรือเบาหวานมาก่อน
  • เส้นโลหิตใหญ่ตีบตัน ได้แก่ เส้นโลหิตใหญ่ในช่องท้องหรือเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงไตตีบตัน ถ้าเป็นระยะแรก ๆ ในคนหนุ่มสาวจะแก้ไขได้โดยการทำผ่าตัด
  • มีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต แก้ไขโดยการทำผ่าตัด
  • โรคครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดรวมกับการตั้งครรภ์ ความดันโลหิตจะลดลงภายหลังคลอด
  • โรคไต เช่น ไตอักเสบ หรือโรคไตเรื้อรังบางชนิด
  • ใช้ยาคุมกำเนิดในสตรีบางคน ความดันโลหิตจะหลับปกติเมื่อหยุดยา
  • มีความเครียด วิตกกังวล


อาการที่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่พาผู้ป่วยมาโรงพยาบาลได้แก่
ปวดศีรษะ

ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดศีรษะในกรณีที่ความดันขึ้นอย่างรวดเร็วหรือเกิดภาวะ Hypertensive crisis โดยทั่วไปความดันโลหิตตัวบน Systolic จะมากกว่า 110 มม ปรอท หรือ Diastolic มากกว่า 110 มม ปรอท อาการปวดศีรษะมักจะปวดมึนๆบางคนปวดตลอดวัน ปวดมากเวลาถ่ายอุจาระ หากเป็นมากจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน

เลือดกำเดาไหล

ร้อยละ 17 ของผู้ป่วยที่เลือดกำเดาไหลจะเป็นความดันโลหิตสูงดังนั้นผู้ที่มีเลือดกำเดาออกต้องวัดความดันโลหิต
มึนงง Dizziness

อาการมึนงงเป็นอาการทั่วๆไปพบได้ในหลายภาวะ เช่นเครียด นอนไม่พอ ทำงานมากไป น้ำตาลในเลือดสูง แต่ก็อาจจะพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยมักจะบอกว่ารู้สึกไม่แจ่มใส สมองตื้อๆ

ตามัว

ในรายที่ความดันโลหิตสูงเป็นมากและมีการเปลี่ยนแปลงของจอรับภาพผู้ป่วยก็จะมีปัญหาทางสายตา


เหนื่อยง่ายหายใจหอบ

อาการหอบ เหนื่อยง่าย เวลาออกแรง เช่น เดิน วิ่ง ทำงาน มีสาเหตุมากมาย เช่น โลหิตจาง(ซีด) โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคปอด ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure) แม้แต่ความวิตกกังวล หรือ โรคแพนิค ก็ทำให้เหนื่อยได้เช่นกัน อาการเหนื่อยง่ายจากโรคหัวใจ และ ภาวะหัวใจล้มเหลวนั้น จะเหนื่อย หอบ หายใจเร็ว โดยเป็นเวลาออกแรง แต่ในรายที่เป็นรุนแรง จะเหนื่อยในขณะพัก บางรายจะเหนื่อยมากจนนอนราบไม่ได้ (นอนแล้วจะเหนื่อย ไอ) ต้องนอนศีรษะสูงหรือ นั่งหลับ คำว่าเหนื่อย หอบ ในความหมายของแพทย์หมายถึง อัตราการหายใจมากกว่าปกติ แต่ในความหมายของผู้ป่วยอาจรวมไปถึง อาการเหนื่อยเพลีย หมดแรง เหนื่อยใจ

แน่หน้าอก

อาการต่อไปนี้เข้าได้กับอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด
เจ็บแน่นๆ อึดอัด บริเวณกลางหน้าอกส่วนใหญ่จะเป็นด้านซ้าย หรือ ทั้งสองด้าน (มักจะไม่เป็นด้านขวาด้านเดียว) บางรายจะร้าวไป ที่แขนซ้าย หรือ จุกแน่นที่คอ บางรายเจ็บบริเวณกรามคล้ายเจ็บฟัน

อาการตามข้อ 1 เกิดขึ้นขณะออกกำลัง หรือทำงานหนัก เช่น เดินเร็วๆ รีบ หรือ ขึ้นบันได วิ่ง โกรธโมโห โดยมากมักจะไม่เกิด 10 นาที อาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อหยุดออกกำลัง

ในบางรายที่อาการรุนแรง อาการแน่นหน้าอกอาจเกิดขึ้นในขณะพัก เช่น นั่ง หรือ นอน หรือ หลังอาหาร
กรณีที่เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงมาก อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก มาก เป็นลม (อาการเช่นนี้ยังพบได้ในโรคของหลอดเลือดแดงใหญ่ปริ ฉีก)



น้ำตะไคร้รักษาได้





ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus Stapf. วงศ์ Poaceae (Gramineae) ตะไคร้ เป็นพืชล้มลุก เป็นพืชตระกูลหญ้า ชอบดินร่วนซุย ปลูกได้ตามพื้นที่โดยทั่วไป ลำต้นสูงประมาณ 1 เมตร ใบ ราก ลำต้น มีสรรพคุณทางยา และส่วนลำตันใช้ปรุงอาหาร

สรรพคุณ เป็นสมุนไพรไทย ที่รักษาโรคความดันโลหิตสูง

วิธีการนำสมุนไพรมาทำยารักษาโรคความดันโลหิตสูง

1 . นำลำต้นตะไคร้มาจำนวน 1- 2 ต้น มาต้ม โดยผสมน้ำ ประมาณ 1 ลิตร ต้มให้เดือด ดื่มวันละ 3 เวลา ก่อนรับประทานอาหาร 5 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว
2. นำใบตะไคร้ ประมาณ 9 – 10 ใบ มาต้ม โดยผสมน้ำ ประมาณ 1 ลิตร ต้มให้เดือด ดื่มวันละ 3 เวลา ก่อนรับประทานอาหาร 5 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว

ลองทำดูและต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน แล้วความดันโลหิตสูงจะทุเลาและหายในที่สุด





การรักษาโรคความดันโลหิตสูงด้วยสมุนไพร
     1. กระเจี๊ยบแดง เพียงนำกลีบเลี้ยงของดอกกระเจี๊ยบไปตากแห้งแล้วนำมาบดเพื่อชงดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นประจำทุกวันก็จะทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ เนื่องจากในกระเจี๊ยบแดงมีสารแอนโธไซยานินซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะไปช่วยเสริมสร้างให้หลอดเลือดแข็งแรง
     2. ตะไคร้ โดยนำตะไคร้มาต้มเป็นน้ำดื่ม ครั้งละ 1 ถ้วยอาหาร วันละ 3 ครั้ง หรือจะนำตะไคร้ซอยสดๆ ทำเป็นยำตะไคร้ทาน ก็จะช่วยลดความดันโลหิตได้
     3. มะกรูด จากการศึกษาพบว่า มะกรูดมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาช่วยลดความดันโลหิต เพียงนำใบมะกรูด 7-10 ใบมาต้มน้ำดื่มเช้า เย็นเป็นประจำทุกวันก็จะช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติได้
     4. บัวบก โดยช่วยทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น และช่วยลดความเครียดได้ จึงช่วยลดความดันได้ดี วิธีรับประทานก็ไม่ยาก เพียงนำบัวบกทั้งต้นมาคั้นเอาแต่น้ำ ดื่มเป็นประจำทุกวัน โดยอาจจะเติมน้ำตาลเล็กน้อยหรือจะผสมกับน้ำใบเตยเพื่อลดรสชาติเหม็นเขียวก็ได้



ที่มาของข้อมูล






วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

ใบงานที่ 4 คลังข้อสอบ

ใบงานที่ 4 คลังข้อสอบ















วิธีสอบให้ได้คะแนนเยอะๆ จากสุดยอดอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างประเทศ

ทบทวนอย่างไรให้เข้าหัว

"วางแผนล่วงหน้า ฝึกเขียนภายในระยะเวลาที่กำหนด และลองใช้วิธีทบทวนที่สรุปเนื้อหาอย่างรวดเร็วจะช่วยได้มากเวลาเขียนข้อสอบ เช่นการฝึกสรุปไอเดียของตัวเองให้สั้นและกระชับเข้าไว้"
- Victor Tadros, อาจารย์คณะนิติศาสตร์, University of Warwick

"วิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการพยายามอธิบายให้คนอื่นฟังให้เข้าใจให้ได้ อีกวิธีนึงที่จะทดสอบความเข้าใจของตัวคุณเองก็คือการพยายามสร้างโจทย์ของตัวเองขึ้นมา แล้วลองแก้โจทย์นั้นเอง"
- Elena Issoglio, อาจารย์ด้านคณิตศาสตร์การเงิน, University of Leeds

"อย่าแค่เรียนหรืออ่านให้เข้าหัว แต่ให้พยายามทำความเข้าใจ เพราะถ้าเราเข้าใจแล้ว เราจะไม่ต้องพยายามจดจำมันเลย แถมยังจะช่วยให้เราไม่ลืมอีกด้วย"
- Immanuel Halupczok, อาจารย์ด้านคณิตศาสตร์, University of Leeds

ก่อนถึงวันสอบ

"ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนสอบ ลองหาข้อสอบเก่ามาทำโดยมีการจับเวลาเหมือนสอบจริง จะได้ประเมินตัวเองถูกว่าเราทำได้แค่ไหน"
- Stephen Griffiths , อาจารย์ด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์, University of Leeds

"ตรวจสอบการเขียนของคุณว่าอ่านออกได้ง่ายและชัดเจน! ทำตัวให้สบายๆ และคิดว่าจะเขียนได้มากแค่ไหนในการสอบ เวลาสอบจะได้ไม่กดดันตัวเอง และรู้ตัวว่าเขียนมากเพียงพอหรือยัง"
- Valerie Rumbold, อาจารย์ด้านวรรณกรรมอังกฤษ, University of Birmingham

"ไปถึงห้องสอบให้ทันเวลา ให้เวลาตัวเอง 2-3 นาทีในการผ่อนคลายตัวเองก่อนเริ่มสอบ"
- Sebastian Mitchell, อาจารย์อาวุโสด้านวรรณกรรมอังกฤษ, University of Birmingham

สอบจริงแล้ว

"เมื่อถึงที่นั่งสอบแล้ว สูดหายใจเข้าออกลึกๆ 10 ครั้ง และบอกตัวเองว่าการได้เขียนสิ่งที่เราคิดนี่มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร! แล้วก็เริ่มทำข้อสอบอย่างมั่นใจได้เลย"
- Valerie Rumbold, อาจารย์ด้านวรรณกรรมอังกฤษ, Birmingham

"กะจังหวะของตัวเองให้ดี อย่าลืมว่าคะแนน 50% แรกนั้นได้มาง่ายกว่า 10% สุดท้าย การเขียนข้อสอบเยอะๆ นั้นไม่มีค่าหากคุณไม่ได้สังเคราะห์แนวคิดและเพิ่มเติมข้อมูลที่เหนือกว่าคนอื่น"
- Phil Garnsworthy, หัวหน้าภาควิชาสัตวศาสตร์, University of Nottingham

"ข้อสอบส่วนใหญ่จะมีหลายข้อและให้เลือกทำเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ดังนั้นต้องมั่นใจว่าคุณเลือกคำถามที่เหมาะสมที่คุณมีโอกาสตอบได้มากที่สุด ซึ่งอาจจะไม่ใช่คำถามที่ง่ายที่สุดเสมอไป อย่าเขียนข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง สิ่งที่อาจารย์ทั้งหลายมองหาคือการนำความรู้มาประยุกต์ใช้ตอบคำถามได้อย่างเฉพาะเจาะจง"

การฝนข้อสอบ




คลิปข้อควรระวังการฝนข้อสอบ





GAT (General Aptitude Test) ความถนัดทั่วไป

ก็ตามชื่อเลยครับ ข้อสอบ GAT หรือข้อสอบความถนัดทั่วไป แบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกันคือ

1.GAT เชื่อมโยง

ความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์  คะแนนเต็ม 150 คะแนน

2.GAT อังกฤษ

ส่วนของความถนัดด้านภาษาอังกฤษ คะแนนเต็ม 150 คะแนน

PAT (Professional Aptitude Test) ความถนัดทางด้านวิชาชีพและวิชาการ

ข้อสอบในส่วนนี้แต่ละคณะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้วิชาไหนในการยื่นคะแนนบ้าง แบ่งออกย่อยๆเป็นข้อสอบทั้งหมด 7 วิชาครับ แต่ละวิชามีคะแนนเต็ม 300 คะแนน ใช้เวลาในการสอบ 3 ชั่วโมงเต็ม ทั้งหมดเป็นข้อสอบที่ยากที่สุดในระบบแอดมิชชันแล้วครับ (ยากกว่านี้ก็คือข้อสอบโอลิมปิก)

PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์

PAT2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์

PAT3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์

PAT4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์

PAT5 ความถนัดทางวิชาชีพครู

PAT6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์

PAT7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ (มีแบ่งย่อยเป็น 7.1-7.8 แล้วแต่ว่าจะสอบวิชาภาษาอะไร)


กำหนดการณ์รับสมัคร

สมัครสอบครั้งที่1
>>สมัครทางอินเตอร์เน็ต : วันที่ 10 - 24 สิงหาคม2559
เวลา 9.00 น
โดยทางเว็บสทศจะเปิดให้ลงทะเบียนและสมัครสอบพร้อมเลือกสนามสอบ
ที่เว็บไซต์สถาบันทดสอบเพื่อการศึกษา คลิกที่นี่้

 >>ชำระเงิน : วันที่ 10- 30 สิงหาคม 2559
ที่ธนาคารกรุงไทยและเคาเตอร์เชอร์วิส

>>ตรวจสอบการชำระเงิน : วันที่ 10 -31 สิงหาคม 2559

>>ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูล : วันที่ 10 สิงหาคม - 2 กันยายน 2559

>>ประกาศเลขที่นั่งสอบ : วันที่ 20 กันยายน 2559

>>สอบคัดเลือกครั้งที่ 1



>>ประกาศผลสอบ : วันที่ 15 ธันวาคม 2559

สมัครสอบครั้งที่ 2
>>สมัครทางอินเตอร์เน็ต : วันที่ 7 - 26 ธันวาคม 2559
เวลา9.00 น
โดยทางเว็บสทศจะเปิดให้ลงทะเบียนและสมัครสอบพร้อมเลือกสนามสอบ
ที่เว็บไซต์สถาบันทดสอบเพื่อการศึกษา คลิกที่นี่้


 >>ชำระเงิน : วันที่ 7 - 30 ธันวาคม 2559
ที่ธนาคารกรุงไทยและเคาเตอร์เชอร์วิส

>>ตรวจสอบการชำระเงิน : วันที่ 7 - 30 ธันวาคม 2559

>>ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูล : วันที่ 7 - 30 ธันวาคม 2559

>>ประกาศเลขที่นั่งสอบ : วันที่ 24 มกราคม 2559

>>สอบคัดเลือกครั้งที่2 



>>ประกาศผลสอบ : วันที่ 20 เมษายน 2559


ข้อสอบ B-GAT และ B-PAT ปฐมบทแห่ง gat pat

ข้อสอบพร้อมเฉลย GAT/PAT ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบพร้อมเฉลย  GAT/PAT ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบพร้อมเฉลย  GAT/PAT ครั้งที่ 3 ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบพร้อมเฉลย  GAT/PAT ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบพร้อมเฉลย  GAT/PAT ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบพร้อมเฉลย  GAT/PAT ครั้งที่ 3 ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบพร้อมเฉลย  GAT/PAT ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2554

ข้อสอบ  PAT ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2555

ข้อสอบ PAT  ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบ PAT  ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบ PAT1  ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2557

ข้อสอบ PAT1  เม.ย. 2557 

ข้อสอบ PAT1  พ.ย. 2557 

ข้อสอบ PAT1  มี.ค. 2558 

ADMISSION

หรือที่ภาษาไทยเรียกกันว่าแอดมิชชั่น คือระบบการคัดเลือกบุคคลที่อยากจะเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งถูกนำมาใช้จริงครั้งแรกในปี ๒๕๔๘ แทนการสอบเอนทรานซ์ในระบบเดิม ซึ่งในระบบใหม่นี้คะแนนของผู้ที่จะถูกคัดเลือกเข้าสู่สถาบันอุดมศึกษาจะไม่ได้มาจากการสอบเพียงอย่างเดียวทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังมีคะแนนบางส่วนจากเกรดเฉลี่ยของที่โรงเรียนมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเข้าศึกษาต่อด้วย



การสอบ O – NET (Ordinary National Educational Test)
O – NET คือ แบบสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน เป็นการวัดผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับในช่วงชั้นที่ 4 จัดสอบ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่
1 ภาษาไทย
2 คณิตศาสตร์
3 วิทยาศาสตร์
4 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
5 ภาษาค่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
ลักษณะข้อสอบแ ละการประเมินผล O – NETประกอบด้วย
1. แบบทดสอบจะมีทั้งปรนัย และอัตนัย ในอัตราส่วนระหว่าง 80% – 90% : 10% – 20% ข้อสอบแบบปรนัยจะเป็นข้อสอบแบบ 4 ตัวเลือก สำหรับข้อสอบอัตนัยจะเป็นข้อสอบแบบเขียนคำตอบสั้นๆ (Short Answer)
2. เวลาในการทำข้อสอบวิชาละ 2 ชั่วโมง
3. ข้อสอบแต่ละข้อ คะแนนอาจจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความยากง่ายของข้อสอบ
4. ข้อสอบครอบคลุมสาระและทักษะสำคัญของ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้
การสอบเป็นบริการของรัฐให้แก่นักเรียนทุกคนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
การสอบ A – NET (Advanced National Educational Test)
A – NET คือ แบบสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง เป็นการวัดความรู้และ ความคิดวิเคราะห์ ซึ่งจะเป็นการวัดความรู้เชิง สังเคราะห์ โดยเน้นทักษะการคิดมากกว่า O-NET ประกอบด้วย
1 ภาษาไทย 2
2 คณิตศาสตร์ 2
3 วิทยาศาสตร์ 2
4 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2
5 ภาษาอังกฤษ 2
ลักษณะข้อสอบและการประเมินผล A – NET ประกอบด้วย
1. แบบทดสอบจะมีทั้งปรนัย และอัตนัย ในอัตราส่วนระหว่าง 60% – 80% : 40% – 20% ข้อสอบแบบปรนัยจะเป็นข้อสอบแบบ 4 ตัวเลือก สำหรับข้อสอบอัตนัยจะเป็นข้อสอบแบบเขียนคำตอบสั้นๆ (Short Answer)
2. เวลาในการทำข้อสอบวิชาละ 2 ชั่วโมง ยกเว้นวิชาวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยเนื้อหาด้าน เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา อยู่ในฉบับเดียวกัน ที่ใช้เวลาในการสอบ 3 ชั่วโมง และจะแสดงผลการทดสอบทั้งรวมและแยก
3.ข้อสอบแต่ละข้อ คะแนนอาจจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความยากง่ายของข้อสอบ
GPAX
หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือเกรดเฉเลี่ยสะสมของน้องๆนั่นแหละ ซึ่งไม่ว่าจะเข้าคณะไหนก็ตาม GPAX จะมีผลต่อคะแนนรวมถึง 10% เพราะฉะนั้นก็ตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้มากๆ(ในทุกวิชา)ด้วยหล่ะ เพราะถ้าไม่ตั้งใจเรียนในห้อง  นอกจากจะเกรดตกแล้ว  คะแนน GPAX  10% ก็จะลดลงไปด้วย
วิธีการคิดคะแนน
1. เมื่อมีการตรวจกระดาษคำตอบมีวิธีการวิเคราะห์ข้อสอบทุกข้อเพื่อหาคุณภาพขอข้อสอบ ถ้าข้อสอบข้อใดไม่มีคุณภาพตามเกณฑ์ ไม่สามารถวัดหรือจำแนกได้ ข้อสอบข้อนั้นจะไม่นำมาคิดคะแนน ดังนั้นคะแนนที่ได้จะเป็นคะแนนสอบที่ได้มาจากข้อสอบที่มีคุณภาพทุกข้อ
2 คะแนนผลการสอบจะแปลงคะแนนเป็นคะแนนมาตรฐานรายวิชา
ระยะเวลาและจำนวนครั้งที่จัดสอบ
O-NET จะจัดสอบเพียงครั้งเดียวเมื่อผู้เรียนสำเร็จการศึกาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเรียยร้องแล้ว โดยจะจัดสอบในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องกับเดือนมีนาคม ของทุกปี
A-NET ในระยะแรกอาจจัดสอบเพียงครั้งเดียว โดยจัดสอบ ต่อจากการสอบ O-NET แต่ในอนาคตอาจจัดสอบได้มากกว่า 1 ครั้ง
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ
เพลินใจ ฝึกสมอง ต้องเล่นเกมของ TLC
คลิกที่นี่เล้ย !! http://www.tlcthai.com/game.php 

o-net ม.6


ทาง 02dual.com ได้ทำการรวมข้อสอบ onet ตั้งแต่ปีการศึกษา 48, 49, 50, 51, 52, 53, 54
มาเพื่อการทบทวน และ สะดวกต่อการค้นหา


ข้อสอบ O-net 49 ม.6 (ปีการศึกษา 2548)พร้อมเฉลย


ข้อสอบ O-net 50 ม.6  (ปีการศึกษา 2549)พร้อมเฉลย


ข้อสอบ O-net 51 ม.6  (ปีการศึกษา 2550)พร้อมเฉลย


ข้อสอบ O-net 52 ม.6  (ปีการศึกษา 2551)พร้อมเฉลย


ข้อสอบ O-net 53 ม.6  ( ปีการศึกษา 2552)พร้อมเฉลย


ข้อสอบ O-net 54 ม.6 (ปีการศึกษา 2553) พร้อมเฉลย สอบเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 


ข้อสอบ O-net  ม.6 (ปีการศึกษา 2558) พร้อมเฉลย สอบเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 








Entrance
2543-2548


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาคณิตศาสตร์1 2543-2548


วิชาคณิตศาสตร์1ต.ค.43
วิชาคณิตศาสตร์1ต.ค.44
วิชาคณิตศาสตร์1ต.ค.45
วิชาคณิตศาสตร์1ต.ค.46
วิชาคณิตศาสตร์1ต.ค.47
วิชาคณิตศาสตร์1มี.ค.43
วิชาคณิตศาสตร์1มี.ค.44
วิชาคณิตศาสตร์1มี.ค.45
วิชาคณิตศาสตร์1มี.ค.46
วิชาคณิตศาสตร์1มี.ค.47
วิชาคณิตศาสตร์1มี.ค.48


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาคณิตศาสตร์2 2543-2548


วิชาคณิตศาสตร์2ต.ค.43
วิชาคณิตศาสตร์2ต.ค.44
วิชาคณิตศาสตร์2ต.ค.45
วิชาคณิตศาสตร์2ต.ค.46
วิชาคณิตศาสตร์2ต.ค.47
วิชาคณิตศาสตร์2มี.ค.43
วิชาคณิตศาสตร์2มี.ค.44
วิชาคณิตศาสตร์2มี.ค.45
วิชาคณิตศาสตร์2มี.ค.46
วิชาคณิตศาสตร์2มี.ค.47
วิชาคณิตศาสตร์2มี.ค.48


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาเคมี 2543-2548


วิชาเคมีต.ค.43
วิชาเคมีต.ค.44
วิชาเคมีต.ค.45
วิชาเคมีต.ค.47
วิชาเคมีมี.ค.43
วิชาเคมีมี.ค.44
วิชาเคมีมี.ค.45
วิชาเคมีมี.ค.46
วิชาเคมีมี.ค.47
วิชาเคมีมี.ค.48


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาชีววิทยา 2543-2548


วิชาชีววิทยา ต.ค.43
วิชาชีววิทยา ต.ค.44
วิชาชีววิทยา ต.ค.45
วิชาชีววิทยา ต.ค.46
วิชาชีววิทยา ต.ค.47
วิชาชีววิทยา มี.ค.43
วิชาชีววิทยา มี.ค.44
วิชาชีววิทยา มี.ค.45
วิชาชีววิทยา มี.ค.46
วิชาชีววิทยา มี.ค.47

วิชาชีววิทยา มี.ค.48

ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาฟิสิกส์ 2543-2548


วิชาฟิสิกส์ต.ค.43
วิชาฟิสิกส์ต.ค.45
วิชาฟิสิกส์ต.ค.46
วิชาฟิสิกส์ต.ค.47
วิชาฟิสิกส์มี.ค.43
วิชาฟิสิกส์มี.ค.44
วิชาฟิสิกส์มี.ค.45
วิชาฟิสิกส์มี.ค.46
วิชาฟิสิกส์มี.ค.47
วิชาฟิสิกส์มี.ค.48


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาภาษาไทย 2543-2548


วิชาภาษาไทยต.ค.43
วิชาภาษาไทยต.ค.44
วิชาภาษาไทยต.ค.45
วิชาภาษาไทยต.ค.46
วิชาภาษาไทยต.ค.47
วิชาภาษาไทยมี.ค.43
วิชาภาษาไทยมี.ค.44
วิชาภาษาไทยมี.ค.45
วิชาภาษาไทยมี.ค.46
วิชาภาษาไทยมี.ค.47
วิชาภาษาไทยมี.ค.48


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาภาษาอังกฤษ 2543-2548


วิชาภาษาอังกฤษต.ค.43
วิชาภาษาอังกฤษต.ค.44
วิชาภาษาอังกฤษต.ค.45
วิชาภาษาอังกฤษต.ค.46
วิชาภาษาอังกฤษต.ค.47
วิชาภาษาอังกฤษมี.ค.43
วิชาภาษาอังกฤษมี.ค.44
วิชาภาษาอังกฤษมี.ค.45
วิชาภาษาอังกฤษมี.ค.46
วิชาภาษาอังกฤษมี.ค.47
วิชาภาษาอังกฤษมี.ค.48


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาวิทยาศาสตร์กายฯ 2543-2548


วิทยาศาสตร์กายฯ ต.ค.43
วิทยาศาสตร์กายฯ ต.ค.44
วิทยาศาสตร์กายฯ ต.ค.45
วิทยาศาสตร์กายฯ ต.ค.46
วิทยาศาสตร์กายฯ มี.ค.43
วิทยาศาสตร์กายฯ มี.ค.44
วิทยาศาสตร์กายฯ มี.ค.45
วิทยาศาสตร์กายฯ มี.ค.46
วิทยาศาสตร์กายฯ มี.ค.47


ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาสังคมศึกษา 2543-2548


วิชาสังคมศึกษาต.ค.43
วิชาสังคมศึกษาต.ค.44
วิชาสังคมศึกษาต.ค.45
วิชาสังคมศึกษาต.ค.46
วิชาสังคมศึกษาต.ค.47
วิชาสังคมศึกษามี.ค.43
วิชาสังคมศึกษามี.ค.44
วิชาสังคมศึกษามี.ค.45
วิชาสังคมศึกษามี.ค.46
วิชาสังคมศึกษามี.ค.47
วิชาสังคมศึกษามี.ค.48




เฉลยข้อสอบ






















ที่มา :